Overloading Operators
ในบทนี้ คุณจะได้รู้จักและการใช้งานกับ Overloading Operators ในภาษา C# ซึ่งเป็นการเปลี่ยนการทำงานของตัวดำเนินการทางคณิตศาสตร์พื้นฐานให้สามารถทำงานกับออบเจ็คได้เหมือนกับการใช้งานกับประเภทข้อมูลพื้นฐาน (Primitive data type) ในภาษา C#
Overloading Operators คืออะไร
Overloading Operators คือการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของตัวดำเนินการทางคณิตศาสตร์ให้ทำงานตามที่ต้องการ ยกตัวอย่างเช่น ในการบวกเลขสองตัวนั้น เป็นการนำค่าของพวกมันมารวมกัน ซึ่งมันใช้ได้กับตัวเลข เช่น 2 + 3 = 5
แต่สำหรับข้อมูลแบบอื่นเช่น ต้องการเอาน้ำสองแก้วมารวมกัน ข้อมูลที่มีอาจจะเป็นรัศมีของแก้ว หรืออื่นๆ ถ้าหากแก้วนั้นเป็นเหมือนออบเจ็ค มันจึงทำให้การทำงานเมื่อนำมารวมกันนั้น ไม่ได้เป้นเหมือนตัวเลข แต่เราใช้เครื่องหมาย +
เช่นเดิม ดังนั้น ในบทนี้คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ Operator overloading กับออบเจ็ค ซึ่งเป็นความสามารถหนึ่งในภาษา C# ที่จะทำให้การทำงานกับออบเจ็คนั้นง่ายและรวดเร็วมากขึ้น
นี่เป็นรูปแบบของการทำ Overloading Operators ในภาษา C#
class MyClass
{
public static MyClass1 operator + (MyClass2 a, MyClass3 b)
{
MyClass c = b;
return c;
}
}
จากรูปแบบข้างบนนั้นเป็นการทำ Overloading operators สำหรับคลาส MyClass1
สำหรับเครื่องหมาย + (บวก) โดยสร้างฟังก์ชันภายในคลาสนั้นให้เป็น static
เพราะว่าตัวดำเนินการนี้จะสามารถนำไปใช้กับออบเจ็คใดๆ ที่สร้างจากคลาสนี้ และใช้คำสั่ง operator
ตามด้วยเครื่องหมายที่ทำการ Overload และส่งอากิวเมนต์สองตัวสำหรับ operand ทั้งสอง
การสร้างและการใช้ Overloading Operators
เพื่อให้คุณเข้าใจว่าทำไมเราจึงต้องทำ Operator overloading มาดูตัวอย่างต่อไปนี้
int a = 2;
int b = 3;
int c = a + b;
int d = a - b;
ในตัวอย่าง เรามีตัวแปร a
และ b
และได้กำหนดค่าให้กับตัวแปรเหล่านั้น หลังจากนั้นเราหาผลรวมโดยการใช้ตัวดำเนินการ +
และหาผลต่างโดยการใช้ตัวดำเนินการ -
ซึ่งตัวดำเนินการเหล่านี้สามารถใช้ได้กับ Primitive data type อยู่แล้ว แต่การ Operator overloading นั้นจะทำให้เราสามารถใช้ตัวดำเนินการได้กับออบเจ็ค ตามความหมายที่เรากำหนดขึ้น
ต่อไปมาดูตัวอย่างการใช้งาน Operator overloading ในภาษา C# ซึ่งจะเป็นโปรแกรมในการหาผมรวม ผลต่าง และระยะหว่าง ระหว่างจุดสองมิติ โดยการใช้ตัวดำเนินการที่ได้จากการทำ Operator overloading
using System;
class OperatorOverloading
{
static void Main(string[] args)
{
Vector2D vector1 = new Vector2D(2, 3);
Vector2D vector2 = new Vector2D(-1, 5);
Vector2D add = vector1 + vector2;
Vector2D subtract = vector1 - vector2;
double distance = vector1 / vector2;
Console.WriteLine("Vector 1 " + vector1.GetPoint());
Console.WriteLine("Vector 2 " + vector1.GetPoint());
Console.WriteLine("Add vector " + add.GetPoint());
Console.WriteLine("Subtract vector " + subtract.GetPoint());
Console.WriteLine("Distance " + distance);
}
}
class Vector2D
{
public int x;
public int y;
public Vector2D(int x, int y)
{
this.x = x;
this.y = y;
}
public string GetPoint()
{
return "[" + x + ", " + y + "]";
}
public static Vector2D operator +(Vector2D a, Vector2D b)
{
int x = a.x + b.x;
int y = a.y + b.y;
Vector2D c = new Vector2D(x, y);
return c;
}
public static Vector2D operator -(Vector2D a, Vector2D b)
{
int x = a.x - b.x;
int y = a.y - b.y;
Vector2D c = new Vector2D(x, y);
return c;
}
public static double operator /(Vector2D a, Vector2D b)
{
double x = Math.Pow(a.y - a.x, 2) + Math.Pow(b.y - b.x, 2);
return Math.Sqrt(x);
}
}
ในตัวอย่าง เป็นโปรแกรมในการทำงานกับ Vector 2 มิติ เราได้สร้างคลาส Vector2D
สำหรับเก็บข้อมูลของจุดในสองมิติ และเมธอด GetPoint()
เป็นเมธอดในการรับค่าของจุด
public static Vector2D operator +(Vector2D a, Vector2D b)
{
int x = a.x + b.x;
int y = a.y + b.y;
Vector2D c = new Vector2D(x, y);
return c;
}
public static Vector2D operator -(Vector2D a, Vector2D b)
{
int x = a.x - b.x;
int y = a.y - b.y;
Vector2D c = new Vector2D(x, y);
return c;
}
ภายในคลาส Vector2D
เราได้ทำการ overload ตัวดำเนินการบวก +
สำหรับบวกค่าของสอง Vector ออบเจ็ค a
กับ b
เข้าด้วยกันที่เป็นพารามิเตอร์ และส่งค่ากลับเป็น Vector ใหม่ที่มีการรวม Vector แล้ว และสำหรับตัวดำเนินการลบ -
เช่นกัน เป็นการหักล้างสอง Vector และได้ผลลัพธ์เป็นผลต่างระหว่าง Vector a
กับ b
public static double operator /(Vector2D a, Vector2D b)
{
double x = Math.Pow(a.y - a.x, 2) + Math.Pow(b.y - b.x, 2);
return Math.Sqrt(x);
}
และทำการ overload ตัวดำเนินการหาร /
สำหรับการหาระยะห่างของจุดของแรงของ Vector ในสองมิติ จากสูตรของมัน นั่นหมายความ่า เราได้เปลี่ยนการกระทำของตัวดำเนินการ /
ไปแล้ว เมื่อมันใช้กับออบเจ็คของ Vector2D
Vector 1 [2, 3]
Vector 2 [2, 3]
Add vector [1, 8]
Subtract vector [3, -2]
Distance 6.08276253029822
นี่เป็นผลลัพธ์การทำงานของโปรแกรมสำหรับ Operator overloading ในภาษา C# คุณจะเห็นว่าเราสามารถใช้ตัวดำเนินการต่างๆ กับออบเจ็คที่สร้างขึ้นตามการทำงานที่เรากำหนด ซึ่งทำให้การเขียนโปรแกรมของเราสะดวกและง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก
Operator overloading example
ต่อมาเป็นตัวอย่างเพิ่มเติมสำหรับ Operator overloading ในภาษา C# ในตัวอย่างนี้ เราจะขอยกตัวอย่างสำหรับการหาผลรวมน้ำในแก้วน้ำ โดยเราจะสร้างคลาสของแก้วน้ำขึ้นมา
using System;
namespace OverloadingOperators
{
class Program
{
static void Main(string[] args)
{
Glass g1 = new Glass(5.2f, 8);
Glass g2 = new Glass(3.2f, 10);
float totalvolume = g1 + g2;
Console.WriteLine("g1 and g2 sumation of volume = " + totalvolume);
}
}
}
class Glass
{
const float PI = 3.14F;
private float radius;
private float height;
public Glass (float r, float h)
{
radius = r;
height = h;
}
public static float operator +(Glass a, Glass b)
{
float totalvolume = a.GetVolume() + b.GetVolume();
return totalvolume;
}
public float GetVolume()
{
return (2 * radius * 3.14f) * height;
}
}
ในตัวอย่างเป็นการหาผลรวม ของออบเจ็คที่สร้างจากคลาส Glass
และมีค่า return เป็น float โดยในคำสั่ง g1 + g2
นั้นเป็นการทำงานจากการ overloading และมเื่อรันโปรแกรมจะได้ผลลัพธ์ดังข้างล่าง
g1 and g2 sumation of volume = 462.208
เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น การทำ overloading operators นั้นคล้ายกันกับ overloading method แต่สิ่งที่ต่างกันคือในการ return ค่าต้องเลือกสำหรับค่าใดค่าหนึ่งเท่านั้น ตัวอย่างต่อไปแทนที่เราส่งค่าผลรมของปริมาตรของแก้วทั้งสองกลับ เราจะทำการส่งแก้วใบใหม่ที่มีปริมาตรเท่าเดิมแทน
using System;
namespace OverloadingOperators
{
class Program
{
static void Main(string[] args)
{
Glass g1 = new Glass(5.2f, 8);
Glass g2 = new Glass(3.2f, 10);
Glass g3 = g1 + g2;
Console.WriteLine("g3 radius = " + g3.radius);
Console.WriteLine("g3 height = " + g3.radius);
Console.WriteLine("g3 volume = " + g3.GetVolume());
}
}
}
class Glass
{
const float PI = 3.14F;
public float radius;
public float height;
public Glass (float r, float h)
{
radius = r;
height = h;
}
public static Glass operator +(Glass a, Glass b)
{
float totalvolume = a.GetVolume() + b.GetVolume();
float totalArea = a.GetBaseArea() + b.GetBaseArea();
float newRadius = totalArea / 2 / PI;
float newHeight = totalvolume / totalArea;
Glass c = new Glass(newRadius, newHeight);
return c;
}
public float GetBaseArea()
{
return 2 * radius * PI;
}
public float GetVolume()
{
return (2 * radius * PI) * height;
}
}
ในตัวอย่าง นั้นเป็นการสร้าง overloading operators สำหรับออบเจ็คจากคลาส Glass
เช่นเดิม แต่ตอนนี้ค่าที่ส่งกลับจำเป็นออบเจ็คของ Glass เช่นเดิม ที่มีปริมาตรเท่าเดิม และนี่เป็นผลลัพธ์เมื่อรันโปรแกรม
g3 radius = 8.4
g3 height = 8.4
g3 volume = 462.208
จากผลของโปรแกรมั้นเราได้ทำการเปลี่ยนให้เครื่องหมาย +
สำหรับออบเจ็คของ Glass นั้น return ออบเจ็คของ Glass อันใหม่ ที่มีปริมาตรเท่าเดิม และมีรัศมีและความสูงใหม่เป็นอย่างที่เห็น
Overloadable operators
ในภาษา C# ส่วนมากแล้วตัวดำเนินการเกือบทุกชนิดสามารถที่ทำการ Operator overloading ได้โดยแต่ละตัวดำเนินการนั้นจะมีจำนวนของ Operand ที่แตกต่างกัน ตารางข้างล่างเป็นตัวดำเนินการที่สามารถทำการ Operator overloading ได้ในภาษา C#
Operators | Number of operand |
---|---|
+ | 1 or 2 |
- | 1 or 2 |
! | 1 |
~ | 1 |
++ | 1 |
-- | 1 |
* | 2 |
/ | 2 |
% | 2 |
== | 2 |
!= | 2 |
< | 2 |
> | 2 |
<= | 2 |
>= | 2 |
ตัวอย่างของการ Operator overloading ในการใช้งานตัวดำเนินการต่างๆ
public static SomeObjectA operator - (SomeObjectB a, SomeObjectC b)
{
// do something
return ...; // SomeObjectA
}
public static bool operator == (SomeObjectB a, SomeObjectC b)
{
// do something
return ...; // bool value
}
public static SomeObjectA operator ++ (SomeObjectB a)
{
// do something
return ...; // SomeObjectA
}
ในตัวอย่าง เป็นรูปแบบการใช้งาน Operator overloading กับตัวดำเนินการต่างๆ ซึ่งอาจจะเป็นหนึ่งหรือสอง Operands และสำหรับการส่งค่ากลับนั้นสามารถเป็นออบเจ็คหรือ Primitive data type ก็ได้
ในบทนี้ คุณได้รู้จักและได้รู้การสร้างและการใช้งาน Overloading operators ในภาษา C# เพื่อให้การทำงานเป็นไปตามที่ต้องการได้ และมันเป็นสิ่งที่อำนวยความสะดวกในการจัดการกับออบเจ็คที่เราสร้างขึ้นมาเป็นอย่างมาก